Last updated: 19 ม.ค. 2567 | 2130 จำนวนผู้เข้าชม |
หลายคนที่อยู่ในวงการความงาม สร้างแบรนด์ หรือเป็นเจ้าของแบรนด์ คงเห็นการเริ่มต้น การเปลี่ยนแปลง ของ "เจ้าแม่แห่งวงการบิวตี้" กันมานักต่อนัก แต่ละช่วงเวลา ก็มี ทั้งคนเกิด และคนดับ ไปตามๆ กัน ทางผู้เขียนเอง ก็เคยเป็น เจ้าของแบรนด์ ความงาม ในช่วงปี 2547 และได้เห็นพัฒนาการในแต่ละยุค และวันนี้เลยจะมาทำการคาดเดาได้ ว่า ปี 2024 คนที่จะมาใหม่แห่งยุคนี้ จะมี ที่จะเกิด และเป็น "เจ้าแม่บิวตี้ 2024" ได้ควรจะมีเทคนิค ทักษะ พิเศษ อย่างไร?
1. ต้องมีการวางแผน ตั้งแต่ก่อนเริ่ม ไม่ใช่ ไปตายเอาดาบหน้า
หากคุณอยากรู้ว่า CEO หรือบอสของคุณนั้น เป็นตัวจริงรึเปล่า ลองถามว่า "แผนการตลาด ในไตรมาส ต่อไป บอสวางแผนอย่างไร ในการพัฒนาแบรนด์ หรือเพิ่มยอดขายของแบรนด์เราคะ?" ... และรอดูคำตอบ ถ้าตอบได้เลย แสดงว่า คนนี้ตัวจริง! แต่ถ้าเงียบไป ไม่ตอบ หรือหาว่าเราไร้สาระ เตรียมหาที่พึ่งทางการเงินใหม่ได้เลย เพราะ ยุคปัจจุบัน เป็นยุคที่ disruption ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แค่บนพื้นฐานการดำเนินงานอย่างง่าย CEO ผู้นำแบรนด์ ยังไม่สามารถปฏิบัติได้ แน่นอนว่า เตรียมนำพาทีมตัวแทน ลงเหวได้เลย... ยุคนี้...ผู้นำต้องมีความรู้ ต้องมีความพร้อม และมีการพัฒนา นำทางธุรกิจด้วย แผน ไม่ใช่ลองๆดู ทำไปวันๆ และตายเอาดาบหน้า
2. ต้องมี การเตรียม พร้อมถึงการเปลี่ยนแปลง และแผนสำรอง กรณีพิเศษ
เช่นเดิมจากข้อหนึ่งที่ผู้เขียนเกริ่นถึงยุคที่ disruption ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างต้นปี ที่เกิดไวรัส โคโรน่า ที่จีนทำให้เกิดการยกเลิกการท่องเที่ยวไทย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมาก (สำหรับแบรนด์ที่ไม่เตรียมพร้อม) แต่ถ้าแบรนด์ที่เตรียมพร้อม จะรู้ว่า การทำสินค้าขายแค่ช่องทางเดียวเท่านั้น!! เช่น ทำสินค้าขายนักท่องเที่ยวจีน มันไม่พอแล้ว ทางผู้เขียนคิดว่า การเป็นนักธุรกิจได้ เราต้องวางแผนในทุกด้าน 360องศา ถ้าเราปิดทุกความเสี่ยงได้ เราจะไม่เกิดผลกระทบมาก และยังคงธุรกิจได้ต่อไป
3. ต้องมีการพัฒนา ทั้งทางด้าน ผลิตภัณฑ์ แผนการ launch product หรือขยาย กลุ่มฐานลูกค้าให้มากขึ้น
สำหรับตัวผู้เขียน ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่เคยยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ แน่นอนว่า เราเคยมีสินค้าที่ขายดี ติดอันดับ และเราอาจจะคิดว่า ตัวนี้แหละจะ สร้างรายได้ให้เราตลอดชีวิต...(อันนี้คือความคิด ที่ผู้เขียนเคยมี จากประสบการณ์เริ่มต้นทำแบรนด์ ในอดีต ซึ่งหลายคนก็คิดเช่นเดียวกัน) แต่... การที่เรามีสินค้าตัวเดียว แต่เรามีกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น ถ้าเราสามารถวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าของเราได้ว่า มีแนวโน้มในการ จะสั่งสินค้าใดเพิ่มเติม เพื่อครอบคลุมความต้องการ หรือปัญหาของฐานลูกค้ากลุ่มนี้ แทนที่เราจะต้องลงงบการตลาดเพิ่มเพื่อดึงคนเข้ามา เราก็แค่เพิ่ม scale สินค้าของเราให้ มีมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้มากขึ้น
สำหรับ เจ้าของแบรนด์ ที่ต้องการตัวแทนขายสินค้าของเราในแบรนด์เดียว ก็เช่นกัน เราก็ควรจะมีตัวเลือกหลากหลายในการขาย ที่ครอบคลุม ทำคะแนนสะสมให้ ครบในแบรนด์เดียว แล้ว ไม่ต้องหนีไปหาแบรนด์อื่นๆ ได้ เพราะ เจ้าของแบรนด์หลายคน ชอบบอกตัวแทนว่า "ห้ามขายแบรนด์อื่น!" แต่ไม่ได้มองตัวเอง เลยว่า แล้วแบรนด์ของคุณ มันครบวงจร มีการขยายสินค้าให้ครอบคลุม ผู้บริโภคกลุ่มนี้ไหม ถ้ามีครบและสร้างรายได้ ได้แบบครบวงจร แน่นอน ปัญหานี้จะไม่เกิด ตัวแทนจะไม่เทแหละหนีไปแบรนด์อื่น แน่นอน
สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มต้น ทำแบรนด์ สินค้าความงามเป็นธุรกิจของตนเอง ในปี 2022 ก็ยังเป็นปีที่น่าทำเช่นเดิม เพราะธุรกิจ สร้างแบรนด์ความงามนั้น สามารถสร้างกำไรได้มากกว่าธุรกิจทั่วไป ถึง 2-3 เท่า แต่การบริหาร จัดการ และการวางแผน ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์ มีความยั่งยืน ส่วนเรื่องการเติบโต แบบ เปรี้ยง ดังระเบิด 2-3 เดือน ซักพักเทตัวแทน และวูบหาย ทำแบรนด์ใหม่ อันนี้ผู้เขียน ไม่ขอรวมเป็นการทำธุรกิจ เพราะการทำธุรกิจ คือการสร้างความมั่นคง ยั่งยืน และอยู่ในเส้นทางนี้ให้ยาวที่สุด
สุดท้ายขอให้ทุกท่านที่มีความตั้งใจ มีสติ และดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรม การมอบสิ่งดีให้แก่คนอื่น และหลังสำคัญ อย่าลืม เลือกโรงงานผลิตสินค้าความงาม ไม่ว่าจะโรงงานผลิตสบู่ โรงงานผลิตครีม ฯ ควรเลือกด้วยมาตรฐาน และวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง เพื่อจะได้เป็นประโยชน์แก่ตัวเรา ธุรกิจของเรา และลูกค้าของเราค่ะ
เขียนโดย Khanittar Koonsumitarwong
19 ก.พ. 2567
16 มิ.ย. 2564
16 มิ.ย. 2564